ที่บ้านท่าดีหมี ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย ชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันทำภาชนะบรรจุอาหารจากกาบต้นหมาก กาบต้นกล้วย และใบไม้ชนิดต่างๆที่อยู่ในท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณด้านเครื่องจักรจากภาคเอกชน และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เป็นชุมชนต้นแบบในการผลิตภาชนะจากวัสดุธรรมชาติแทนการใช้โฟม ซึ่งจังหวัดเลยขณะนี้ ประสบกับปัญหาปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้น จนสถานที่กำจัดขยะมีไม่เพียงพอ
นางจิตรา ผดุงศักดิ์ ที่ปรึกษากลุ่มผลิตภาชนะกาบหมากบ้านท่าดีหมี กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มจากเมื่อปีที่แล้ว ตนได้มีโอกาสพบกับนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ท่านคุยกันเรื่องปัญหาขยะ จะหาวิธีการอย่างไรจะลดปริมาณขยะในจังหวัดเลย ตนจึงได้นำรูปภาพถ้วยจานที่ทำจากกาบต้นหมากในประเทศอินเดียให้ผู้ว่าฯดู ปรากฏว่า ท่านให้ความสนใจ และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.เลย เป็นผู้ดำเนินโครงการ โดยก็ได้เลือกเอาหมู่บ้านท่าดีหมี เป็นแหล่งผลิต เนื่องจากชาวบ้านมีความพร้อม และในอนาคตที่หมู่บ้านแห่งนี้จะมีแหล่งท่องเที่ยวสกายวอล์คปากแม่น้ำเหือง ซึ่งตนก็ได้รู้จักกับเพื่อนชาวเนปาล จึงให้เขาพาไปดูแหล่งผลิตที่ประเทศอินเดีย และติดต่อขอซื้อเครื่องจักรมาด้วย ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณเบื้องต้นจากนักธุรกิจร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในอำเภอวังสะพุง และเป็นความโชคดีที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเดินทางมาเป็นวิทยากรอบรมการผลิตให้ชาวบ้านด้วย เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งพวกเขาไม่เคยออกไปทำเช่นนี้ในประเทศไหนเลย
นางจิตรากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม จากการทดลองผลิตถ้วยจานจากกาบต้นหมากที่นี่ 7 วันที่ผ่านมา พบปัญหาวัตถุดิบในจังหวัดเลยมีไม่เพียงพอ ต้องออกไปซื้อมาจากจังหวัดตาก ในราคาใบละ 2.5 บาท รวมต้นทุนการผลิตแล้วอยู่ที่ใบละ 4.5 บาท จึงถือว่าราคาค่อนข้างสูง เราจึงนำเอาใบไม้หรือกาบกล้วยที่มีในท้องถิ่นมากมายมาทำด้วย ซึ่งก็ใช้ดีพอสมควร คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับการเรียนรู้ และเตรียมความพร้อมของชาวบ้าน ทั้งด้านการตลาด การผลิต ในต้นเดือนธันวาคมนี้ก็จะนำออกไปจำหน่ายได้ โดยพัฒนาให้สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง โดยในช่วงแรกนี้ จะเน้นไปที่ถนนคนเดินเชียงคาน แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ซึ่งหากทุกร้านอาหารบนถนนเส้นนี้พร้อมใจกันนำถ้วยจานไปใช้ ก็จะเป็นภาพที่สวยงาม เข้ากับบรรยากาศบ้านไม้เก่าเป็นอย่างดี และที่สำคัญจะสามารถลดปริมาณขยะได้มากขึ้นด้วย
นางสาวภูษณิศา โฉสูงเนิน ตัวแทนกลุ่มผลิตจานกาบหมากบ้านท่าดีหมี กล่าวว่า เดิมกลุ่มชาวบ้านได้รวมตัวกันอยู่แล้วในนามกลุ่มโอท็อป เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา ชาวบ้านก็ตื่นตัว เป็นอย่างมาก มีสมาชิกที่ร่วมงานกันอย่างจริงจังตอนนี้ 20 คน โดยรวมหุ้นกัน เตรียมทำกันในลักษณะของวิสาหกิจชุมชน ซึ่งทุกคนมีความคาดหวังว่าถ้วยจานจากวัสดุธรรมชาติจะลดปริมาณขยะลงไปได้มาก เพราะในไม่ช้านี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมสกายวอล์คที่บ้านท่าดีหมีมากขึ้น ปัญหาขยะก็จะตามมา ชาวบ้านทุกคนจึงตระหนักถึงปัญหานี้ เข้าร่วมโครงการด้วยความยินดี พร้อมจะช่วยกันดูแล ดำเนินกิจการให้เจริญก้าวหน้า สร้างรายได้ให้ชุมชนต่อไปอย่างยั่งยืน นางสาวภูษณิศากล่าว
ด้านนายบาบู เสทุมาได นักวิชาการนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจากรัฐมทิฬนาทู ประเทศอินเดีย หัวหน้าคณะวิทยาการ กล่าวว่า จากการที่มาอยู่ที่บ้านท่าดีหมี 7 วัน ต้องชื่นชมชาวบ้านที่มีความตั้งใจเรียนรู้ ในระยะเวลาที่จำกัด แต่พวกเขาพัฒนาได้เร็วมาก จึงเชื่อว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในการทำภาชนะจากธรรมชาติ แต่ปัญหาคือ คุณภาพของกาบหมากที่นำมาผลิต ยังไม่ดีพอ เมื่อเทียบกับที่ผลิตในอินเดีย ที่นั่นต้องไปซื้อไกลถึง 600 กิโลเมตร ถ้วยจานสามารถใช้ได้หลายครั้ง เพราะหนากว่า อย่างไรก็ตาม ที่ประเทศไทยมีวัตถุดิบอื่นๆ ที่น่าจะนำมาผลิตทดแทนได้หลายชนิด ซึ่งจะทำให้ต้นทุนถูกลงด้วย นายบาบูกล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรียนรู้ หรือซื้อผลิตภัณฑ์ถ้วยจานกาบหมากของชาวบ้านท่าดีหมี สามารถติดต่อได้ที่คุณเรียน หัวหน้ากลุ่ม หมายเลขโทรศัพท์ 098-6126237.
ภัทราวุธ บุญประเสริฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น