ชาวบ้านบุ่งตาข่าย อ.วังสะพุง ปลูกผักคราด “ต้นหม่าล่าอีสาน” สร้างรายได้งาม แค่ 4 เดือน รับ 2 ล้านบาท
ที่หมู่บ้านบุ่งตาข่าย ต.ปากปวน อ.วังสะพุง จ.เลย ชาวบ้านได้พากันปลูกผักคราด หรือภาษาท้องถิ่นวังสะพุงเรียกว่าผักฮาด ผักพื้นบ้าน ที่ชาวอีสานและชาวภาคเหนือนิยมนำไปใส่ในอาหาร เช่น เอาะ แกงอ่อม หรือหมกชนิดต่างๆ โดยปลูกบนที่นาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมู่บ้านปลูกรวมกันกว่า 10 ไร่ ส่งขายที่ตลาดในตัวจังหวัด สร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรกว่ารายละ 50,000 – 100,000 บาท ในระยะเวลาเพียง 4 เดือน ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินซื้อยาปราบศัตรูพืช และใช้พื้นที่น้อยกว่าปลูกข้าวโพด ต้นทุนเงินและแรงต่ำกว่ามาก ใช้พื้นที่เพียง 1-2 งาน ก็ขายได้เดือนละ 8,000 บาทแล้ว ทั้งหมู่บ้านมีรายได้จากการขายผักคราด รวมกว่า 2 ล้านบาทต่อหนึ่งฤดูกาลเลยทีเดียว
นางบุญแย้ม ศักดาพิทักษ์ หรือแม่คิว เกษตรกรผู้ปลูกผักคราด บ้านบุ่งตาข่าย เปิดเผยว่า ปลูกพืชชนิดนี้มานานประมาณ 10 ปี แล้ว ก่อนที่จะเริ่มปลูกนั้น เห็นเพื่อนบ้านไปเอาต้นพันธุ์จากอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพราะต้นผักคราดแถวบ้านจังหวัดเลยหายากมาก แทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เพราะพื้นดินเต็มไปด้วยสารเคมี ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งที่หล่มสัก ผักคราดขึ้นอยู่ตามนาข้าวโพด เป็นวัชพืช ชาวบ้านแถวนั้นเขาไม่เอา ก็ให้ชาวบ้านบุ่งตาข่ายมาโดยไม่คิดเงิน เพื่อนบ้านก็เอามาปลูกเป็นคนแรก ปรากฏว่าขายดีมาก ระยะเวลาเพียง 4 เดือน ขายได้เงินกว่า 1 แสนบาท หลังจากนั้น ชาวบ้านบุ่งตาข่ายก็พากันไปขอเอาต้นพันธุ์จากหล่มสักมาปลูกด้วย ส่วนตนใช้ที่นา หลังจากเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว รวมพื้นที่เกือบสองงาน
การปลูกก็ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก นำต้นพันธุ์มาปักลงดินที่เตรียมแปลงไว้ ใส่ปุ๋ยคอกและฟางรองพื้นดิน หมั่นรดน้ำ และหมั่นถอนหญ้าออก ใช้เวลาเพียง 1 เดือน ก็สามารถเก็บยอดไปขายได้แล้ว โดยมีแม่ค้าที่ตลาดเช้าเทศบาลเมืองเลยสั่งซื้อไม่อั้น เก็บในรอบ 3 วันจะนำใส่รถกระบะไปส่งลูกค้า ราคา 6 กำ 20 บาท เก็บได้เรื่อยๆ ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม หากใครมีกำลังแรงพอปลูกไปถึงเดือนเมษายน หรือหน้าแล้ง ผักคราดจะราคาดีกว่าช่วงนี้มาก จากที่ตนปลูกมาเป็นระยะเวลา 10 ปี สร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดี จนสามารถส่งลูกเรียนจบปริญญาตรีไปแล้ว 1 คน เพื่อนบ้านบางคนทิ้งไร่ข้าวโพดมาปลูกผักคราดขายเป็นรายได้หลัก เพราะต้นทุนต่ำกว่า ใช้พื้นที่น้อยกว่า แต่รายได้สูงกว่า และที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงรับสารพิษหรือสารเคมีปราบศัตรูพืชเข้าร่างกายด้วย
อย่างไรก็ตาม การปลูกผักคราดต้องคอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด หมั่นรถน้ำและกำจัดหญ้า หากดูแลไม่ดีพอก็จะเป็นโรคใบแห้ง ขายไม่ได้ราคา เคยมีชาวบ้านจากที่อื่นนำต้นพันธุ์ไปปลูก แต่ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ซึ่งอาจเป็นเพราะสภาพดินและสภาพอากาศของหมู่บ้านบุ่งตาข่ายเหมาะสมที่สุดสำหรับผักชนิดนี้ นางบุญแย้มกล่าว
ทั้งนี้ ผักคราด มีรสชาติจืดๆมันๆ รับประทานแล้วจะรู้สึกชาที่ลิ้นชั่วขณะ หรือชาวอีสานเรียกว่ามันกระเด้าลิ้น คล้ายผงหม่าล่า เครื่องปรุงรสประเภทปิ้งย่างจากประเทศจีน ที่กำลังนิยมอย่างมากในประเทศไทย ผักคราดจัดเป็นผักและยาสมุนไพร และเป็นหนึ่งในยาสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน อีกทั้งทางด้านเภสัชวิทยาช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านยีสต์ ต้านไวรัส ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ลดความดันโลหิต เพิ่มฤทธิ์ของฮิสตามีนในการทำให้ลำไส้หดเกร็ง ปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันฆ่ายุง ฆ่าลูกน้ำยุง ทำให้ชัก เป็นยาชาเฉพาะที่ แก้ปวด ลดความแรงและความถี่ของการบีบตัวของหัวใจห้องบน ยับยั้งการหดตัวของมดลูกซึ่งเหนี่ยวนำด้วย
ต้นผักคราด สามารถใช้ประโยชน์ทางยาได้ทุกส่วน ใบช่วยให้แก้ปวดศีรษะ แก้โลหิต เป็นพิษ , ดอก ขับน้ำลาย แก้โรคในคอ แก้ปวดฟัน แก้โรคติดอ่างในเด็ก รักษาแผลในปากในคอ แก้โรคลิ้นเป็นอัมพาต , เมล็ด เคี้ยวแก้ปากแห้ง ,ลำต้น แก้พิษตานซาง แก้ริดสีดวง แก้ผอมเหลือง แก้บิด แก้เลือดออกตามไรฟัน ชงดื่ม ขับปัสสาวะ แก้หอบไอ แก้ไอกรน แก้ปวดบวม แก้ไขข้ออักเสบ แก้คันคอ แก้ทอนซิลอักเสบ แก้งูรัด สุนัขกัด พอกแก้พิษปวดบวม และส่วนรากใช้ต้มดื่ม เป็นยาถ่าย อมบ้วนปากแก้อักเสบในช่องปาก เคี้ยวแก้ปวดฟัน.
ภัทราวุธ บุญประเสริฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น